-พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดพระธาตุ) สุพรรณบุรี หลวงพ่อหยุดจัดสร้างประมาณปี 2460 โดยการนำพระผงสุพรรณยุคแรกที่แตกหัก-ชำรุดมาเป็นมวลสารในการจัดสร้างใหม่ และปลุกเสกร่วมกับ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำฯ, หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว, หลวงพ่อโพธิ์ วัดพระธาตุ (ขณะนั้นเป็นพระลูกวัด)
-หลังจากจัดสร้างและปลุกเสกเสร็จ ก็นำไปบรรจุกรุในพระปรางค์ วัดพระธาตุ (พระปรางค์เดียวกับที่บรรจุพระผงสุพรรณยุคแรก) แล้วได้เปิดกรุประมาณ ปี 2500
ประวัติความเป็นมาพระผงสุพรรณหลวงพ่อหยุด
-หลวงพ่อพิมล ถาวโร รองเจ้าอาวาสวัดพระธาตุรูปปัจจุบัน (ปัจจุบันอายุ 68 พรรษา) ท่านเป็นศิษย์ก้นกุฏิรูปสุดท้ายของหลวงพ่อโพธิ์ วัดพระธาตุ และได้ดูแลหลวงพ่อโพธิ์จนสิ้นลมสุดท้ายในปี 2539 และอาจารย์ปรีชา ลมูลศิลป์ มัคทายกวัดพระธาตุ (ปัจจุบันอายุ 70ปี) ซึ่งตนเองได้มาอยู่วัดพระธาตุกับหลวงพ่อโพธิ์ ตั้งแต่อายุ 11 ปี ท่านทั้งสองได้ร่วมกันเล่าให้ผมฟังว่า
-หลวงพ่อหยุด (ชื่อจริงว่า สายหยุด) แต่คนรุ่นหลังเรียกกลายเป็น หลวงพ่อยุทธหรืออาจารย์ยุทธ เป็นพระธุดงค์ชาวเสนา อยุธยา ได้มาบุกเบิกวัดพระธาตุ ซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้างอยู่ โดยมีพระที่ร่วมยุคในการบุกเบิกด้วยกัน 4 รูป คือ
1.หลวงพ่อหยุด วัดพระธาตุ (ผู้บุกเบิกวัดพระธาตุ)
2.หลวงพ่อโพธิ์ วัดพระธาตุ (อดีตเจ้าอาวาส วัดพระธาตุ )
3.หลวงพ่อสด วัดปากน้ำฯ(ช่วงที่เดินธุดงค์ในสุพรรณบุรี)
4.หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว
-ในช่วงที่หลวงพ่อหยุดมาบุกเบิกวัดพระธาตุนั้นเป็นประมาณปี 2457 (หลังจากพระผงสุพรรณ ยุคแรก แตกกรุในปี 2456) และประมาณปี 2459-2460 (แต่บางท่านเข้าใจผิดว่าเป็นปี 2470) หลวงพ่อหยุดได้ดำริให้จัดสร้างพระผงสุพรรณขึ้นมาใหม่ โดยการแกะพิมพ์ใหม่ และนำพระผงสุพรรณเก่าที่แตกหัก-ชำรุดมาตำเพื่อใช้เป็นมวลสารในการจัดสร้างใหม่ เมื่อปลุกเสกเสร็จก็นำไปบรรจุในพระปรางค์แทนที่พระผงสุพรรณยุคแรก
-และปี 2468 หลวงพ่อหยุดได้มรณภาพลง หลวงพ่อโพธิ์ จึงได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น จนถึง อายุ 99 พรรษา 9 เดือน 19 วัน ในปี 2539 ก็มรณะภาพ
หมายเหตุ-ข้อมูลที่ได้มาเกิดจากการที่ผมได้นำพระผงสุพรรณที่คุณพ่อเก็บมาหลายสิบปี ขึ้นไปที่วัดพระธาตุ ในวันที่ 12 และ 29 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ประกอบกับที่คุณพ่อเคยเล่าไว้ว่า เป็นพระผงสุพรรณ รุ่น2 ตามที่คนรุ่นก่อนๆเคยพูดไว้
-พระผงสุพรรณหลวงพ่อหยุดของคุณพ่อ เข้าใจว่าจะเช่าบูชาจากวัดโดยตรง ในช่วงประมาณปี 2500 ซึ่งหลวงพ่อโพธิ์ เป็นเจ้าอาวาสอยู่ในขณะนั้น)
-ต้องกราบขอบพระคุณหลวงพ่อพิมล ถาวโร และอาจารย์ปรีชา มา ณ. ที่นี้เป็นอย่างสูง และผมได้ขออนุญาตท่านทั้งสอง เพื่อนำข้อมูลข้างต้นมาเผยแพร่ไว้เป็นข้อมูล-ความรู้ที่ถูกต้องสืบต่อไป